วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทากศัตรูตัวฉกาจที่นักเดินป่าต้องเจอ





ทาก

ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ กำลังได้รับความนิยมนักท่องเที่ยวที่เลือกมาศึกษาความงามของธรรมชาติในช่วง หน้าฝนที่ป่าเขียวชอุ่มและงดงามมากที่สุดจึงหลีกเลี่ยงการเผชิญกับทาก“จอม ดูดเลือด”ได้ยากทากจะชูหัวทำหน้าที่คล้ายเรดาร์เพื่อจับหาความร้อนจากตัว เหยื่อหรือแรงสั่นสะเทือนขณะเหยื่อเคลื่อนไหวเมื่อล็อกเป้าหมายได้แน่นอน แล้วทากจะคืบตรงไปเกาะติดตัวเหยื่ออย่างรวดเร็วเพื่อหาผิวหนังส่วนที่บาง ที่สุด เช่นข้อพับซอกนิ้วแล้วฝังเขี้ยวหรือขากรรไกรทั้งสามแฉกซึ่งมีฟัน ซี่เล็กๆถี่ๆจากนั้นก็ปล่อยสาร“ฮีรูดีน”ซึ่งทำให้เลือดไม่แข็งตัวแล้ว จึงเจาะดูดเลือดเหยื่อก่อนเดินเทรลเที่ยวป่า

นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมตัวให้ พร้อมโดยแต่งกายให้รัดกุมใส่ถุงกันทากที่ทำจากผ้าฝ้ายดิบเนื้อแน่นจนทาก ไม่อาจแทรกตัวผ่านมาถึงตัวเราได้โดยสวมทับถุงเท้าสูงขึ้นมาถึงเข่าแล้วสวม รองเท้าหุ้มส้นอีกทีเท่านี้ก็เดินเที่ยวป่าได้อย่างสบายใจไม่ต้องพะวัก พะวนว่าจะถูกเจ้าแวมไพร์จิ๋วแบ่งเลือดไปใช้แต่หากเราป้องกันอย่างดีแล้วยัง ถูกเจ้าทากกัดก็อย่าเพิ่งกระชากตัวทากออกทันทีเพราะจะทำให้เกิดบาดแผลใหญ่ และเลือดไหลไม่หยุด 


ขอแนะนำให้ค่อยๆดึงตัวมันออกแล้ว ใช้กระดาษทิชชูปิดปากแผลไว้เยื่อกระดาษจะซับเลือดและช่วยให้เลือดแข็งตัว หยุดไหลส่วนคนที่เดินป่าจนชำนาญเขาจะหยิบฉวยใบสาบเสือที่มีฤทธิ์ห้าม เลือดได้มาขยี้แล้วโปะบนปากแผลแต่สำหรับคนที่ใจบุญสุดๆผสมกับใจแข็งสุดๆไม่บรื๋อไม่ยี้จะปล่อยให้เจ้าทากดูดเลือดไปก่อนก็ได้เพราะพอมัน อิ่มมันก็จะเก็บเขี้ยวและทิ้งตัวหลุดจากผิวหนังเราไปเองแม้คนทั่วไปจะ รู้สึกกลัวทากแต่แท้จริงแล้วพวกมันมีประโยชน์อย่างยิ่งเพราะสารสังเคราะห์ ซึ่งเลียนแบบสารฮีรูดีนในตัวทากนั้นใช้เป็นตัวยาในครีมนวดลดอาการฟกช้ำและยา รักษาอาการเลือดอุดตันตามอวัยวะต่างๆของร่างกายคน

ฉะนั้นเวลาเข้าป่าถ้าเจอทากกระดืบเข้า มาใกล้?ก็อย่าเผลอใช้ไฟจี้หรือเอายาหม่องป้ายที่ตัวมันเพราะจะทำให้สัตว์ ร่วมโลกตัวเล็กๆมากประโยชน์ชนิดนี้ต้องตายอย่างไร้คุณค่า

ทาก เป็นชื่อสามัญที่คนไทยใช้เรียกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 2 กลุ่ม ซึ่งมีความแตกต่างกันของโครงสร้างร่างกาย กลุ่มแรก คือ ทากดูดเลือด(leech)ชื่อวิทยาศาสตร์: Haemadipsa sylvestris)เป็นกลุ่มเดียวกับปลิงดูดเลือด จัดอยู่ใน Phylum Annelida คลาสฮิรูดินี(Class Hirudinae) และ กลุ่มที่สอง คือ หอยทาก (slug) และทากทะเล (sea slug)(Phylum Mollusca)ซึ่งเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับหอยและหมึก

ลักษณะ

ทาก(leech) มีลักษณะคล้ายปลิงโดยทั่วไปลำตัวเป็นปล้องมีเมือกเหนียวหุ้มไว้ไม่ให้ตัว แห้งรูปร่างเรียวยาว ลำตัวด้านหลังจะโค้งนูนเล็กน้อยส่วนด้านท้องจะเรียบ ทาก(slug)ทุกชนิดมีหนวดหนึ่งคู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหอยทาก หรือทากทะเล

ทาก นั้นก็มีประโยชน์ในวงการแพทย์โบราณของจีนค้นพบมานานแล้วว่า ทาก และปลิง สามารถดูดเลือดเสียได้สารพัด ทาก ถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ครั้งแรกประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล ในปัจจุบัน ทาก ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ อีกครั้งทั้งตัว ทาก เองและสารที่ได้ประโยชน์มาจาก ทาก ด้วยคุณสมบัติต่อต้านการแข็งตัวของเลือด สาร Hirudin ถูกนำมาใช้ในการทำให้เส้นเลือดในร่างกาย ไม่อุดตัน โดยเฉพาะเส้นเลือดที่หัวใจ ส่วนตัว ทาก ที่มีชีวิตก็จะใช้ดูดเลือดในบางกรณี เพื่อให้เลือดในร่างกายมนุษย์หมุนเวียนได้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่า ทาก นั้นก็สามารถ ช่วยชีวิตคนได้อย่างมหาศาลเช่นกัน 
ในทางนิเวศวิทยา ทาก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ป่าคงอยู่อย่างยั่งยืน มีผลิตผลต่อเนื่องให้สัตว์กินพืชได้ใช้ประโยชน์ กล่าวคือ เวลาที่มีเก้ง กวาง มากินยอดไม้บริเวณ ที่มี ทาก เก้ง กวาง ก็จะไม่ยืนกินอยู่นานหรือกินแค่พออิ่มก็รีบไป มิฉะนั้นแล้วฝูง ทาก ก็จะเข้ามารุมสกรัม มีผลทำให้ต้นไม้ต้นนั้นไม่โทรมจนตาย สามารถแตกยอด แตกใบ ผลิตอาหารให้กับ เก้ง กวางตัวอื่นที่มาทีหลัง หรือบางทีทากก็อาจจะเป็นอาหารของสัตว์อื่น ๆ แม้จะไม่มีการบันทึกไว้มากมายนัก เท่าที่พอจะทราบมีคนเคยพบ หนูผีป่า (Shrew) นกหว้า (Great Argus) กำลังกิน ทาก ดูดเลือดอยู่ 

ทาก นักเที่ยวป่าคนไหนไม่รู้จักทากนับว่าเชยแหลก ทากมีลักษณะเหมือนปิง อ้าว...ปิงก็ม่ายรู้จักหรอกรึ งั้นก็เหมือนกับเส้นเฉ๋าก๊วยแต่สีอ่อนกว่า ทากมักจะอาศัยอยู่ตามป่าที่ชุ่มชื้นเช่น เขาใหญ่ ภูกระดึง เขาหลวงนครศรีธรรมชาติ ภูหลวง และอีกหลายๆ ที่ ทากน่ากลัวกว่าเสือเพราะว่าเสือเมื่อได้กลิ่นคนก็จะวิ่งหนีไป แต่ทากพอกลิ่นคนแล้วกระโดดเข้าใส่เกาะได้เกาะดีทำให้สาวๆ กรี๊ดกันลั่นป่า ทากไม่มีพิษภัยจนถึงเกิดการบาดเจ็บล้มตาย แต่ว่ามันขยะแขยงเท่านั้นเอง

พิษภัยจากทาก ทากไม่มีอันตรายแต่ว่าบางตัวก็มีเชื้อโรคทำให้ผู้ที่โดนกัดเกิดอาการแพ้ได้ ทำให้เกิดอาการบวมและเกิดการอักเสบได้ ทางที่ดีเวลาเข้าป่าที่อาจจะมีทากให้นำเบต้าดีนไปด้วย โดนกัดเมื่อไรเมื่อแกะหลุดแล้วให้ล้างแผลให้สะอาดแล้วทาด้วยเบต้าดีนเพื่อ ฆ่าเชื้อโรคที่อาจจะมีมากับปากของทากได้

สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดคือทากเข้าใน หูซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อยแต่ถ้าเกิดขึ้นเมื่อได้ล่ะก็...โชคร้ายมาก เลยเพราะเมื่อทากปล่อยปากเมื่อไรจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด แล้วเลือดที่ไหลอยู่ในหูจะเกิดการแห้งกรังจนหูตันและหูหนวกได้ เวลาเดินก็คงไม่มีปัญหาแต่มันอาจจะหลุดรอดเข้าไปในเต็นท์ได้ ดังนั้นหากกางเต็นท์ในดงทางอย่างเช่น บนลานกางเต็นท์บนเขาใหญ่ ภูกระดึง และอื่นๆ ด้วยให้ปิดประตูเต็นท์ให้มิดชิดด้วยการรูดซิบผ้าร่มชั้นนอกเพื่อป้องกันมัน เข้าไป

ลักษณะการเข้าจู่โจม

ทากส่วนใหญ่จะฝังตัวอยู่ตามที่ชื้นบน พื้นดินเมื่อเราเดินผ่านไปมันก็จะกระดืบมาเกาะบริเวณเท้าเรา ( ถ้าใส่รองเท้าแตะ) บางตัวก็เกาะที่รองเท้าแล้วก็กระดืบๆ ขึ้นมาที่ถุงเท้าแล้วก็ทำตัวยืดให้มีลำตัวเล็กยังกะเข็มเพื่อผ่านเข้าไปใน ถุงเท้าแล้วก็ดูดเลือดอย่างอร่อย

บางส่วนก็จะเกาะอยู่บนใบไม้เมื่อมี สัตว์หรือคนเดินผ่านมามันจะจับคลื่นความร้อนจากสัตว์เลือดอุ่นอย่างคนเรา เมื่อมันจับคลื่นความร้อนได้แล้วมันก็จะมาเกาะแต่รู้ตัวก่อนที่มันจะฝัง เขี้ยวลงไป จึงใช้มือปัดออกไป

สรุปแล้วทากมันจู่โจมเราได้ทั้งทาง ภาคพื้นดิน และทางอากาศ บางคนโดนกัดบริเวณต้นคอด้านหลังเพราะบางคนหนังหนาจึงไม่มีความรู้สึกเมื่อ เวลามันมาเกาะ ว่าไปนั่น

ทากมักจะระบาดในช่วงฤดูฝนเพราะมีความชื้นสูง ฤดูอื่นๆ อาจจะพบได้ในบริเวณที่ชื้นแฉะเช่นบริเวณน้ำตก ป่าที่ชื้นแฉะ

วิธีการป้องกัน

การป้องกันระหว่างการเดินเที่ยว มีวิธีป้องกันมากมายหลายวิธีคนโน้นก็ว่าอย่างนี้คนนี้ก็ว่าอย่างนั้นว่ากัน ไปว่ากันมาเลยไม่รู้ว่าอะไรดีแน่ สารพัดสูตร คนนี้พูดบ้างก็แล้วกันนะครับ

- ประการแรกจะต้องแต่งกายรัดกุมให้ทางเข้าโจมตีได้ไม่สะดวกเช่นใส่รองเท้าหุ้ม ข้อ ป้องกันทากเกาะบริเวณเท้าได้ แต่มันจะไต่ขึ้นมาที่ถุงเท้าได้

- การใส่ถุงเท้ากันทากจะป้องกันทากที่จู่โจมทางภาคพื้นดินได้ แต่มันอาจจะไต่ขึ้นมาเพื่อมาเกาะขากางเกงได้

- ทางที่ดีควรใส่ถุงกันทาก ใส่แล้วจะต้องคอยดูว่ามีทากไต่ขึ้นมาหรือไม่ หากมีทากเกาะให้รีบแกะออกเสียอย่าให้มันไต่ขึ้นมาข้างบนได้

- ยาฉุนที่ว่าเด็ดนักเด็ดหนาไม่ต้องใช้เลย ไม่ได้เลย ถ้าจะใช้ให้ใช้น้ำมันมวย ได้ผลแน่นอน

- สรุปว่าทากมันกลัวอะไรๆ ที่มีสภาพเป็นกรดเป็นด่าง ใช้เกลือหยอดใส่ก็ตายแล้ว

ความเขียวชอุ่ม ชุ่มช่ำของป่าในหน้าฝนนั้น คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า
เป็นเสน่ห์ที่มีมนต์ขลัง สามารถดึงดูด นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ
มาเยี่ยมชมความงาม... 
ยามเมื่อฝนหล่นโปรยปรายชโลมดิน ทุกสรรพชีวิตในป่า ต่างก็ก่อ
กำเนิดเข้าสู่วัฏจักรใหม่...... 
สิ่งมีชีวิตในป่าต่างจุนเจืออาศัยซึ่งกันและกัน !หลายชนิดดูสวยงาม
น่าเอ็นดู แต่บางชนิด อาจก่อให้เกิดความขยะแขยงแก่นักเดินทาง.....

"ทากดูดเลือด" สัตว์ตัวจิ๋วที่ดูไม่มีพิษภัยอะไรมากไปกว่าเจ็บๆคันๆ
ถ้าไม่ปล่อยให้มันล่วงล้ำ เข้าสู่ส่วนที่สำคัญของร่างกาย...
เจ้าตัวจิ๋วนี้กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่นักเดินทางท่องป่า ต่างตั้งข้อรังเกียจ
เดียดฉันท์ ขยะแขยง สร้างภาพให้เป็นมารร้ายตัวฉกาจฉกรรณ์ 
แต่การเดินทางเข้าไปในป่าหน้าฝนนั้น คงจะหนีไปไม่พ้นกับเพื่อน
ร่วมทางที่ไม่พึงประสงค์ชนิดนี้อย่างแน่นอน.....

ทากดูดเลือด เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในไฟลัมแอนนีลิดา (Phylum Annelida) 
ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวก ไส้เดือน และปลิง แต่ทากดูดเลือด และปลิง นั้น
จัดอยู่ในคลาสฮิรูดินี (Class Hirudinae) 

อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ใช้ในการเกาะติดกับลำตัวเหยื่อคือ แว่นดูด (Sucker) 
ซึ่งมีอยู่ทั้งทางด้านหัวและด้านท้าย แต่มันสามารถดูดเลือดได้จากทาง 
แว่นดูดด้านหน้าแต่เพียวด้านเดียว ส่วนแว่นดูดทางด้านท้ายทำหน้าที่ยึดเกาะ 
อย่างนุ่มนวล โดยที่เราไม่รู้สึกตัวเลย.... 
ป่าหน้าฝนอันชุ่มชื้นเป็นเวลาที่ทากดูจะเริงร่าเป็นพิเศษ ภาพที่นักเดินทาง
ที่สาละวนกับการปลดทากออกจากขากางเกง หรือเสียงร้องวี๊ดว๊าย คงจะ
ชินหูชินตา นักเดินป่าหลายๆท่าน แม้บางคนจะมีถุงกันทากสวมใส่ไว้ตลอด
ซึ่งความจริง ก็ไม่ได้ช่วยป้องกันอะไรเท่าไหร่นัก เพราะหากไม่ปลดทากออก
พวกมันก็จะคืบคลานขึ้นสูงจนหาทางดูดเลือดจนได้อยู่ดี จากที่เกาะต่ำๆ ก็ค่อยๆ
คืบคลานสูงขึ้นเรื่อยๆ ถุงกันทากคงช่วยได้แต่เพียงให้เราเห็นตัวมันก่อนที่จะ
ดูดเลือดเรา วิธีกำจัดที่ง่ายที่สุดก็คือ มือของเรานั่นแหละที่ใช้ทั้งดึงทั้งเด็ด 

ทากรับรู้เหยื่อของมันว่าอยู่ที่ไหน 
ได้จากแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน.. 
เพราะฉะนั้น การชิงเดินเป็นคน
แรกๆ อาจจะปลอดภัยกว่าเดิน
ท้ายๆ .....

ทากเกาะติดไปกับลำตัวหรือขา
ด้วยแว่นดูด ดังที่กล่าวมาข้างต้น 
และค่อยๆรีดตัวเองเข้าไปอยู่ใน 
รูถุงเท้าได้ เนื่องจากลำตัวของ
มันเหนียว และ ยืดหยุ่นได้ดีมาก 
จนเราคาดไม่ถึง

ทากดูดเลือด จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยการใช้แว่นดูดด้านท้าย
ยืดเกาะติดกับพื้น เมื่อกล้ามเนื้อตามเส้นรอบวงหดตัว มันก็จะยืดไปข้างหน้า ใช้แว่นดูดรอบปากยึดเกาะติดกับพื้น และค่อยๆปล่อยแว่นดูดด้านท้าย
ออกจากที่เกาะ ตอนนี้กล้ามเนื้อตามยาวจะหดตัว ดึงเอาส่วนท้ายของลำตัว
ไปเกาะข้างหน้าได้ เป็นวิธีกระดื๊บๆไปตามพื้นดิน หรือตามตัวของเหยื่อ
จนถึงจุดที่มันพอใจถึงจะหยุด.......

วิธีการกัด และดูดเลือดของทากนั้น มันจะใช้ปากของมันซึ่งอยู่ทาง
แว่นดูดด้านหน้าเท่านั้น ภายในแว่นดูดด้านหน้าจะมีขากรรไกรที่มีลักษณะ
เป็นสามแฉก แต่ละแฉกก็จะมีฟันเล็กๆอยู่มากมาย ขากรรไกรของมันนี่แหละ
ที่ทำให้เรามองเห็นแผลจาก การดูดเลือดของมันเป็นสามแฉกเช่นกัน..... 

ขณะที่มันดูดเลือดจะปล่อยสารที่สำคัญ 2 ชนิดเข้าสู่แผล ดังนี้

1.สารที่มีองค์ประกอบคล้ายกับฮีสตามีน (Histamine) 
ที่จะช่วยกระตุ้นหลอดเลือดของเหยื่อให้ขยายตัว

2. สารฮีรูดีน (Hirudin) 
มีคุณสมบัติต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ซึ่งจะทำให้เลือดของเหยื่อไหลไม่หยุด ถึงแม้ว่าทากจะปล่อยตัวหลุดไปแล้ว

เป็นที่สงสัยกันว่าหน้าแล้งแล้วทากจะไปอยู่ที่ไหน เพราะทากจำเป็น
ต้องมีผิวหนังที่ชุ่มชื้นตลอดเวลา มันจึงไม่สามารถทนทานกับสภาพ
ที่แห้งแล้งได้....

เมื่อถึงหน้าแล้ง ทากจะค่อยๆรวมตัวกันไปอยู่ในที่มีความชื้นสูง
เช่น ริมลำธาร แต่มันจะไม่ลงไปแช่ในน้ำโดยตรง มันจะใช้วิธี
มุดลงไปใต้ดินที่มีความชื้นสูงกว่า ในช่วงระยะเวลานี้ พวกมันอยู่นิ่งๆไม่มีการตอบสนองใดๆ 
อาจกินเวลาถึง 6 เดือน เพื่อรอให้ฤดูฝนมาเยือน

***** ใช่ว่าทากจะมีแต่ด้านร้ายกาจ ในทางการแพทย์พบว่าทากก็มีประโยชน์ โดยการนำทั้งตัวทาก หรือสารที่ได้มาจากตัวทาก
ซึ่งก็คือ Hirudin มาใช้ในการทำให้เส้นเลือดไม่อุดตัน โดยเฉพาะเส้นเลือดที่หัวใจ ทุกชีวิตต่างก็มีด้านดีและด้านร้าย แล้วแต่มุมมอง
ว่าจะมองเห็นด้านไหนมากกว่ากัน ดั่งเช่นเจ้าทากสัตว์ตัวจิ๋วแห่งป่าดิบ แม้จะเป็นสัตว์ที่ใครๆต่างพากันขยะแขยงและรังเกียจ
แต่ถึงอย่างไรทากก็เป็นส่วนหนึ่งของสม ดุลย์ภายในป่า และยังสร้างสีสันให้แก่นักเดินป่า แล้วคุณล่ะเริ่มรักเจ้าทากตัวน้อยนี้ขึ้นมาบ้างหรือยัง

เทคนิคการรักษาโรคของจีน
วิธีรักษาโดยใช้ทากดูด วิธีนี้เป็นการใช้ตัวทากดูดเลือด โดย เอาตัวทากเป็นๆ วางไว้ตรงบริเวณที่ห้อเลือด ให้มันดูดเอาเลือดออกมาบ้าง เพื่อลดอาการห้อเลือดให้น้อยลง หรือลดอาการเลือดคั่งในร่างกายโดยอ้อม จีนใช้วิธีนี้มาตั้งแต่สมัยแผ่นดินถัง และต่อมาวิธีนี้ได้แพร่ไปยังยุโรปและญี่ปุ่น โดยในสมัยนั้นมักใช้วิธีนี้รักษาโรคโลหิต คั่งในสมอง (Encephalemia) โรคเลือดออกในสมอง (Cerebral haemorrhage) และอาการปวดศีรษะข้างเดียว (Migraine) เป็นต้น

วิธีป้องกันทาก
สำหรับการป้องกันทาก มีด้วยกันหลายรูปแบบคือ
ยาฉุนหรือยาเส้น ที่นำมาใช้มวนบุหรี่ วิธีใช้โดยการนำยาฉุนไปพรมด้วยน้ำจนชื้นหมาดๆ จากนั้นยัดลงในรองเท้า ไม่ต้องมากจนแน่น และในถุงเท้าก็ใส่เพียงนิดหน่อย ให้คลุมทั่วบริเวณผิวหนัง ตามซอกนิ้ว เท้าเท่านี้ก็พอ อีกวิธีหนึ่งก็คือ นำยาฉุนมาขยี้กับน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้นี้มาทาตามเท้าให้ทั่วเป็นยากันทาก ได้ดีอีกวิธีหนึ่ง แต่อาจไม่ดีเท่าวิธีแรก เนื่องจากวิธีนี้กลิ่นจะไม่ฉุนแรง จัด และกลิ่นจะเจือจางได้ง่ายกว่า

สวมถึงเท้าหนาชนิดยาว หรือถุงเหยียบ ซึ่งเป็นถึงเท้าสำหรับนักฟุตบอล สวมทับขากางเกง ดึงสูงขึ้นมาเกือบถึงหัวเข่า วิธีนี้แม้จะไม่ได้ผลมากนัก แต่ก็เป็นวิธีการเบื้องต้นง่ายๆ และนักเดินป่ามักนิยมใช้กันมาก เพราะสะดวกคล่องตัว และกว่าที่ทากจะมุดเข้าไปในขากางเกงหรือถุงเท้าของเราได้ เราก็อาจมองเห็นก่อนแล้ว ใช้นิ้วมืดดีดมันกระเด็นทิ้งไป สุภาพสตรีบางท่าน ใช้วิธีสวมถุงน่องก่อน แล้วจึงสวมถึงเท้า ทับเข้าไปอีกที เนื่องจากถึงน่องจะมีเนื้อผ้าที่ละเอียดมาก แม้ทากจะมุดเข้าถึงเท้าหรือขากางเกงได้ ก็จะกัดหรือ ดูดเลือดเราไม่ได้

ยาฆ่าแมลง ชนิดสเปรย์ โดยใช้ฉีดที่เท้าหรือ รองเท้าก่อนเข้าป่า ก็เป็นวิธีการป้องกันทากได้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งสะดวกมาก แต่ต้องฉีดพ่นบ่อยๆ

สบู่คาร์บอลิก ที่ใช้ฟอกสุนัขเวลาอาบน้ำ ซึ่งจะมีกลิ่นแรงมาก เลือกเอาชนิดเหลว ทาให้ทั่วแข้งทั่วขา ทั้งสองข้างก่อนเข้าป่า แต่กลิ่นของมันอาจจะรบกวนระบบหายใจมากหน่อย

สำหรับคนที่ชอบการเดินป่า และไปในสถานที่ค่อนข้างรกทึบและชื้น สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือเจ้าสัตว์ตัวเล็กแต่พิษสงร้ายกาจอย่าง"เจ้า ทาก" ที่มักอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่ชื้นๆโดยเฉพาะบริเวณใกล้แหล่งน้ำ เมื่อเราเดินผ่านมันก็จะมาเกาะตามส่วนของร่างกายเราเพื่อดูดเลือดโดยที่เรา จะไม่รู้สึกตัว จะรู้สึกคันๆอีกทีก็ตอนที่มันดูดเลือดเราซะจนหนำใจและจากไปโดยทิ้งร่องรอย ตุ่มแดงๆใสๆเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ทางที่ดีหากเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรทำการป้องกันไว้ก่อน 

- ใช้ยาป้องกัน ยากันแมลงทุกชนิดเป็นที่รังเกียจของทากเช่นกัน อยู่ที่ว่าแบบไหนจะติดทนนานกว่ากัน ส่วนใหญ่แล้วเมื่อต้องลงลุยน้ำในห้วย ตัวยาก็จะเสื่อมไป ทำให้ต้องฉีดพ้นหรือทาใหม่ทุกครั้ง มีสูตรประหยัดที่นักเดินป่าบางคนใช้นั่นคือ แชมพูสระผม ชะโลมให้ทั่วรองเท้า ถุงเท้า อวัยวะเบื้องต่ำทั้งหลาย สามารถป้องกันทากได้เหมือนกัน บางคนเล่นใช้วิธีใส่กางเกง และ ถุงเท้าที่ซักด้วยผงซักฟอกแล้วไม่ได้ซักน้ำเปล่า ทากไม่กล้าเกาะเหมือนกัน แต่คนใส่ก็คงคันพิลึก
- แต่งกายให้รัดกุม ทากจะได้เข้าโจมตีไม่สะดวก เช่น ใส่รองเท้าหุ้มข้อดึงถุงเท้าขึ้นมาหุ้มปลายขากางเกง ป้องกันไม่ให้ทากเข้าไปในรองเท้าได้สะดวก แต่มันจะไต่ขึ้นมาตามถุงเท้าจนมาถึงขากางเกงได้ เราก็คอยหมั่นสังเกตบ่อย ๆ คอยดึงออกทีละตัวสองตัว หรือไม่งั้นก็ใส่ 'ใส่ถุงเท้ากันทาก' ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน 

การดำรงชีวิตของทาก
ทากดำรงชีวิตด้วยการดูดเลือดจากสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนมและเนื่องจากไม่มีดวงตาจึงอาศัยการจับแรงสั่นสะเทือนจากการ เดินของเหยื่อ โดยมันจะคอยชูตัวอยู่ตามพื้นดินหรือไต่ขึ้นไปบนกิ่งไม้ เมื่อเหยื่อเข้าใกล้มันจะใช้อวัยวะที่เรียกว่าแว่นดูด(Sucker) ซึ่งมีทั้งด้านหน้าและด้านท้าย โดยมันจะใช้แว่นท้ายในการยึดเกาะ ค่อยๆ ไต่อย่างแผ่วเบาเพื่อหาที่ซ่อนตัว (ในช่วงนี้ใช้เวลาประมาณ 80-90 วินาที ที่เราจะปัดหรือดึงทากออกโดยไม่ต้องเสียเลือด) หลังจากนั้นมันจะใช้แว่นหน้าลงบนผิวเนื้อของเหยื่อเพื่อดูดเลือด โดยทากจะปล่อยสารชนิดหนึ่งคล้ายกับยาชาและเวลาที่ทากดูดเลือดมันจะปล่อย สารออกมา 2 ชนิด ซึ่งได้แก่ สารฮีสตามีน(Histamine) ช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว และสารฮีรูดีน(Hirudin) มีคุณสมบัติต้านทานการแข็งตัวของเลือด (ด้วยเหตุนี้เลือดของเหยื่อจะไหลไม่หยุด) เมื่อทากดูดเลือดอิ่มแล้วจะมีลักษณะตัวอ้วนสีดำแล้วจึงจะปล่อยตัวเองร่วงลง สู่พื้นดิน 

วิธีทำให้ทากหมดแรง
ใช้นิ้วกลิ้งตัวทากไปมา หลังจากที่ทากโดนความร้อนจากการถูไปมาบนมือ แล้วน้ำมันที่ผิวหนังของทากก็จะแห้งลง ทำให้ทากหมดแรงไปเอง 

การห้ามเลือด 
ใช้ยาเส้นยากฉุน มาปิดปากแผล หรือใช้ใบสาปเสือ

พัฒนาสมุนไพรป้องกันทากดูด

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ศึกษาวิจัยสมุนไพรที่มีคุณสมบัติป้องกันทากดูดเลือด พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันการกัดของทากได้ผล 100% มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโลชั่นที่นำเข้าจากต่างประเทศ ลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศและช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทย 
นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนพื้นที่ป่าจะเขียวชอุ่มน่าเที่ยว แต่พบว่านักนิยมไพรมักจะขยาดที่จะเที่ยวป่าเพราะประสบปัญหากับสัตว์ดูดเลือด ชนิดหนึ่ง คือ ทาก (leech) ซึ่งเป็นสัตว์ในวงค์ Haemadipsidae มีชื่อวิทยาศาตร์ว่า Haemadipsa sp. ขณะที่ทากดูดเลือดจะปล่อยสารฮีรูดีน ที่จะช่วยให้เลือดไม่แข็งตัวและสารคล้ายฮิสตามีนช่วยให้หลอดเลือดของเหยื่อ ขยายตัว เหยื่อจะรู้สึกชาจึงถูกดูดเลือดเป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว หากผู้ที่ถูกกัดเห็นทากขณะกำลังดูดเลือดแล้วดึงตัวมันออกมักจะทำให้เลือดไหล ไม่หยุด อาจนานเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง สำหรับการป้องกันทางดูดเลือดโดยวิธีดั้งเดิม คือ การใช้ยาฉุน (incotine) ขยำน้ำทาผิวหนังบริเวณขา ซึ่งสามารถลดการเกาะของทากได้บ้าง แต่ไม่สามารถป้องกันทากได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งน้ำยาฉุนมีสีน้ำตาล เมื่อทาบริเวณผิวหนังจะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า ทำให้ไม่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวบางคนจึงสวมถุงผ้าก่อนที่มันจะหา ทางไชเข้าไป เนื่องจากลำตัวของทากเหนียวและยืดหยุ่นได้ดีมาก ประกอบกับมีแผ่นดูด (sucker) สามารถยึดเกาะกับผิวหนังได้อย่างเหนียวแน่น จึงจำเป็นต้องมีการหาหนทางในการป้องกันการเกาะของตัวทาก หรือทำให้ตัวทากหลุดออก

ด้วยเหตุนี้ สถาบันวิจัยสมุนไพร และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติป้องกันทากดูดเลือดในห้อง ปฏิบัติการประมาณ 20 ชนิด พบว่า ใบฝรั่ง เหง้ากระชาย และเหง้าขมิ้นมีประสิทธิภาพพอใช้ได้ จึงน้ำมันหอมระเหยมาพัฒนาเป็นตำรับให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นแล้วนำไปทดสอบ ในสภาพธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งมีทากดูดเลือดชนิดนี้ชุกชุม พบว่าสามารถใช้ได้ผล 100% ป้องกันการกัดของทากได้ตลอดทั้งวัน (เกินกว่า 8 ชั่วโมง) มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโลชั่นที่มีสารออกฤทธิ์เป็น deet (diethyl toluamide) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ยาทากันยุงและต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า ผลงานวิจัยนี้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยตีพิมพ์ใน Journal of the American Mosquito Control Association เมื่อปี พ.ศ. 2549 ทั้งนั้ สำหรับผลงานเกี่ยวกับสมุนไพรป้องกันสัตว์ดูดเลือด ที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เคยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงให้แก่ชมรมพืชยาไทย และห้างหุ้นส่วนจำกัดพืชยาไทยอุตสาหกรรม ในปี พ.ศ. 2546 ผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ Repel Care ซึ่งนอกจากจะป้องกันยุงได้แล้ว จากการทดสอบใหม่นี้ยังสามารถป้องกันทากดูดเลือดและแมลงริ้นดำ (Black flies) ได้อีกด้วย ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันทากและแมลงดูดเลือดจากสมุนไพร จึงเป็นการลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทยอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ สนใจองค์ความรู้ดังกล่าว

เครดิต คุณ Tee NaturalAdventure

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่มีบอกว่ามีอายุกี่ปี

    ตอบลบ
  2. ไปเขาใหญ่หน้าฝน โดนทากดูดเลือด 4-5 ตัวที่เท้าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้เป็นตุ่มแข็งคันมากค่ะ ทายาแก้คันทุกวันค่ะ คิดแล้วยังรู้สึกแขยงทากอยู่เลยค่ะ แต่คราวหน้าจะใส่เสื้อผ้าให้รัดกุมป้องกันทากได้ค่ะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณข้อมูลดีๆนะคะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆเรื่องทาก นะคะ

    ตอบลบ
  5. Casino: 10 Free Spins No Deposit for the first
    Welcome to 광주 출장안마 Casino: 10 Free Spins No 광양 출장샵 Deposit for the first time 아산 출장마사지 The casino 경주 출장안마 is located in Curacao, with 경주 출장마사지 some of the largest gambling markets.

    ตอบลบ