วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รวมสถานที่ล่องแก่งในเมืองไทย

 1. จังหวัดนครนายก

แม่น้ำนครนายก เป็นสายน้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลลงมากลายเป็นน้ำตกนางรอง ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำนครนายก ซึ่งไหลมาจากน้ำตกเหวนรกภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กระแสน้ำไหลแรงในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม โดยจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกอยู่ที่บริเวณสะพานท่าด่าน



 สำหรับระยะเวลาในการล่องแก่งแม่น้ำนครนายกจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

เสน่ห์ อีกอย่างหนึ่งของการล่องแก่งแม่น้ำนครนายก คือ ลำน้ำที่คดเคี้ยวตลอดเส้นทาง การล่องทำให้เราได้มีโอกาสฝึกการพายบังคับเรือยาง หรือแคนู-คายัก ให้เลี้ยวซ้ายขวาได้อย่างสนุกสนาน จนสิ้นสุดการล่องแก่งที่บริเวณวังยาว



2. จังหวัดปราจีนบุรี

วันหยุดฤดูฝนรอคุณอยู่ พบกับความตื่นเต้นท้าทายกับการ "ล่องแก่งหินเพิง" จังหวัดปราจีนบุรี โดยใช้แพยางนั่งได้ประมาณ 8-10 คน ล่องในลำน้ำใสใหญ่ สภาพแก่งน้ำอยู่ในระดับ 3-5 นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการพายสูง เมื่อนักท่องเที่ยวติดต่อล่องแก่งกับผู้ประกอบการแล้ว ผู้ประกอบการฯ จะพานักท่องเที่ยวไปยังบริเวณ ขญ.9 (ใสใหญ่) และเดินป่าไปยังต้นน้ำ ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที จากนั้นจะเริ่มล่องแก่งมายังจุดสุดท้ายบริเวณ ขญ.9 สถานที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ป่า ขญ.9 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี

แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำใสใหญ่ ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยา เป็นชั้นหินทราย ครั้นเมื่อถึงฤดูฝน กระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย แก่งหินเพิงเป็นที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายกับสาย น้ำอันเชี่ยวกราก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม กระแสน้ำบริเวณแก่งหินเพิงจะไหลรุนแรงมาก

3. จังหวัดพิษณุโลก

สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้รักการผจญภัยทางน้ำ หรือการล่องแก่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ ล่องแก่งลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจัดเป็นสนามล่องแก่งที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวท้าทายตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและปริมาณของน้ำฝน

          ลำน้ำเข็ก มีแหล่งกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ทางด้านอำเภอเขาค้อ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ลดหลั่นมาตามเทือกเขา ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคมของทุกปี จะมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับการล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณบ้านท่าข้าม ล่องไปสู่บริเวณตอนบนของ น้ำตกแก่งซอง มีแก่งหินน้อยใหญ่ให้พิสูจน์ความกล้าถึง 17 แก่ง แตกต่างกันออกไป ช่วงแรก ๆ จะเป็นช่วงเตรียมความพร้อมกระแสน้ำจึงค่อนข้างนิ่ง (ระดับ 1) ผ่านไปได้สักระยะหนึ่งสายน้ำจะเริ่มสลับแรงบ้างนิ่งบ้าง (ระดับ 2-5) ทำให้เส้นทางของการล่องมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน ส่วนแก่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ (ระดับ 5) ก็จะมีด้วยกัน 4 แก่ง ได้แก่ แก่งซาง, แก่งโสภาราม, แก่งนางคอย และแก่งยาว

          จุดเด่นของการล่องแก่งลำน้ำเข็ก คือ จะเป็นเส้นทางน้ำที่ขนานไปกับเส้นทางบก(ทางหลวงหมายเลข 12) จึงทำให้การเดินทางมาท่องเที่ยวสะดวกสบาย สามารถเลือกจุดขึ้นลงได้ตามความเหมาะสม ในเรื่องของความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง เพราะก่อนการลงล่องแก่งจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำขั้นตอนต่าง ๆ ของการพาย การลอยตัวตามกระแสน้ำ การนั่ง และการขึ้น-ลงแพยางอย่างถูกวิธี พร้อมอุปกรณ์เซฟตี้ครบชุด ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ฝีพายประจำเรือ นายหัวและนายท้ายได้ผ่านการอบรมหลักสูตรการล่องแก่งมาตรฐานสากล Best practice จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

4. จังหวัดสตูล

ล่องแก่งวังสายธารคลองลำโลน สายน้ำหลักของป่าต้นน้ำปากบารา ที่มีน้ำใส ธรรมชาติสมบูรณ์สองฝั่งคลองเส้นทางของการล่องแก่งสายน้ำที่ใส่และเย็นฉ่ำ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ผ่านแก่งต่าง ๆ ประมาณ 16 แก่ง ที่รอให้นักเดินทางซึ่งหลงใหลความตื่นเต้นได้ไปสัมผัสกับความมันส์

5. จังหวัดพัทลุง

ล่องแก่งหนานมดแดง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง เป็นทุนเดิมทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้วนำมาประยุกต์กับแนวคิดที่ตกผลึกจากการ ที่ได้ไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวล่องแก่งในพื้นที่อื่น ๆ แล้วนำกลับมาปรับใช้กับหนานมดแดงจนก่อเกิด "ล่องแก่งหนานมดแดง"

          ล่องแก่งที่นี่ไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาลต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี มีหนานที่ผจญภัยประมาณ 40 หนาน และอีก 5 หนานที่เร้าใจ อาทิ หนานลุงจวน นานสองพี่น้อง หนานมดแดง หนานยาว และหนานไม้ไผ่ รวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งทุกทริปก่อนออกล่องแก่งจะต้องผ่านการอบรมให้ความรู้ทุกครั้ง เพื่อเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ

6. จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อ.ปาย)

นอกจากไปเดินชมวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของคนจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว กิจกรรมกลางแจ้งที่สนุกสนานตื่นเต้น ท้าทาย ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปท่องเที่ยวมากอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ การล่องแก่งแม่น้ำปาย โดยจุดล่องแก่งแม่น้ำปายมีหลายแห่ง ที่นิยมกัน คือ จุดล่องแก่งบ้านน้ำของ ในเขตอำเภอปางมะผ้า

          โดยการล่องแก่งจะล่องไปตามลำน้ำของ ลัดเลาะไปตามซอกภูเขาของป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ และตั้งแคมป์พักค้างคืนในป่าแห่งนี้หนึ่งคืน พอรุ่งเช้าก็พายเรือล่องแก่งไปตามแม่น้ำต่อไปจนบรรจบกับแม่น้ำปาย และไปสิ้นสุดการล่องแก่งบริเวณที่ทำการแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ในเขตหมู่บ้านปางหมู ตำบลปางหมู อำเภอเมือง รวมเวลาล่องแก่ง ในเส้นทางนี้ 2 วัน 1 คืน ซึ่งกิจกรรมระหว่างล่องแก่งที่น่าสนใจ คือ แช่โคลนและเยี่ยมชมน้ำตกซู่ซ่า การพักค้างแรมในแคมป์นั้น บริษัทนำเที่ยวด้านการล่องแก่งจะเป็นคนจัดการเรื่องที่พักและอาหารการกิน ทั้งหมดตลอดกิจกรรม

7. จังหวัดสระบุรี

หากอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ลองไปล่องแก่ง ณ แก่งภูเกาะ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย โดยจุดลงเรืออยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 2224 กิโลเมตรที่ 13-14 เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร เพลิดเพลินกับการล่องแก่งเรือยางหรือพายเรือคายัก ตลอดสายน้ำผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ กว่า 15 แก่ง เช่น แก่งท่าข้าม แก่งสไลเดอร์ แก่งขวาง แก่งภูเกาะ แก่งวัวข้าม และอีกหลายแก่งด้วยกัน ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

          โดยสามารถล่องแก่งได้ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ เดือนมีนาคม-ตุลาคม โดยยามน้ำลดเหมาะแก่การพายเรือคายัก ส่วนยามน้ำหลากในช่วงฤดูฝนสามารถล่องเรือยางขนาดใหญ่ อีกทั้งบริเวณแก่งยังมีป่าไม้ที่ยังเขียวขจี มีหมู่แมกไม้นานาพรรณ เช่น ต้นสร้อยอินทนิล ต้นโสก ต้นปอกระสา ระหว่างทางจะได้พบเห็นนกน้อยนานาชนิด ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ตลอดเส้นทางการล่องแก่ง

8. จังหวัดน่าน


ลำน้ำว้า อยู่ในจังหัวดน่าน คือ ต้นธารสายหนึ่งของแม่น้ำน่าน ที่มีต้นกำเนิดจากเขาจอม บนเทือกเขาผีปันน้ำ อันพาดผ่านชายแดนระหว่าง ไทยลาว ปกคลุมด้วยป่าต้นน้ำในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ลักษณะของสายน้ำกำแพงผา หินสองฟากฝั่งเป็นป่าผลัดใบและป่าเบญจพรรณ  ลำน้ำว้ามีสายน้ำที่เร้าใจและสนุกสนานกับแก่งที่เป็นลูกคลื่น ไม่อันตรายจนเกินไป จัดว่าอยู่ในระดับ 3-4  ด้วยแก่งต่าง ๆ ใน สายน้ำนี้ที่ทอดยาวเป็นระยะ ๆ นับจากจุดเริ่มต้นที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่จริม จะผ่านแก่งน้ำปุ๊ แก่งหลวง แก่งห้วยสาลี่ แก่งต้นไทร แก่งน้ำวนไปจนสิ้นสุดที่หาดบ้านไร่ โดยใช้ระยะเวลาในการล่องแก่งทั้งสิ้น ประมาณ 4-5 ชม.

9.จังหวัดตาก

ล่องแม่กลองตอนล่างเริ่มจากบ้านปะละทะไปทางน้ำตกทีลอเร แม่น้ำสายนี้จะไหลไปทางใต้ทอดผ่าน อุทธยานทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี รวมกับแม่น้ำสายอื่นจะกลายเป็นแม่น้ำแควใหญ่  แม่น้ำแม่กลองในช่วงนี้มีปริมาณน้ำมากขึ้น ไหลเป็นทาง เลาะเลี้ยวไปตามแนวสันภูเขาสูงชัน  มีเกาะแก่งมากมาย  ป่าในช่วงนี้จะเป็น ป่าทึบ มากกว่าแม่น้ำตอนบน และสองฝั่งของแม่น้ำในช่วงนี้จะไม่มีชุมชนเลย ปลายทางเป็นน้ำตกทีลอเร ไหลผ่านชะง่อนซอกผา ที่งดงามด้วย เถาวัลย์ มอส และ เฟิร์น  การล่องแม่น้ำ สภาพแม่น้ำช่วงที่ออกจากบ้านปะละทะ ไหลไปอย่างราบเรียบประมาณหนึ่งชั่วโมง จะพบกับแก่งใหญ่ ซึ่งมีไหลน้ำค่อนข้างเชี่ยวกราก ตั้งแต่แก่งเลเกติ แก่งบันได แก่งคนมอง จะอยู่ในระดับ 3-4 ไม่ควรล่องด้วยแพไม้ไผ่อย่างยิ่ง ควรใช้เรือยางในการล่องเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น